วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ หรือนายกฝอ


สกู๊ปพิเศษ...... “นายกฝอ” ผู้คิด-ผู้กล้า-ผู้นำแห่งยุค 2012

โดยนัยตั้ม   นครแม่สอด.....รายงาน

 

นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ หรือนายกฝอ นายกเทศมนตรีนครแม่สอด จังหวัดตาก ได้มองศักยภาพของท้องถิ่น “นครแม่สอด” ที่มูลค่าการค้าชายแดนไทย-พม่า ด่านแม่สอด-เมียวดี อ.แม่สอด มีตัวเลขจากด่านศุลกากรแม่สอดคาดการณ์ว่า ปีนี้จะมีมูลค่าสูงกว่า 35,000-40,000 ล้านบาท และจะทะลุนับแสนล้านบาท เมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC ในปี 2558  และมองต่อว่ามูลค่าการค้าชายแดนจะเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างไม่หยุด  ทำให้ นายกฝอ  ที่อยู่ในแวดวงการเมืองท้องถิ่นมายาวนานตั้งแต่ปี 2533  เริ่มตั้งแต่เป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบล- รองประธานสภาฯ-เทศมนตรีและนายกเทศมนตรี ยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองและเทศบาลนคร จึงหมายมั่นปั้นมือให้นครแม่สอด ถูกยกฐานะเป็นเขตปกครองพิเศษ “นครแม่สอด”  เพื่อรองรับการค้าการลงทุนที่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนเข้าสู่ AEC   พร้อมกันนี้ยังเตรียมพร้อมด้านภาษาให้แก่โรงเรียนในสังกัด ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องพูดให้ได้อย่างน้อย ภาษา คือไทย-อังกฤษ-พม่า-จีน เพื่อให้สอดรับกับการที่ “นครแม่สอด” อยู่บนระเบียงเศรษฐกิจ East-West Economic Corridor –EWEC  ที่จะเชื่อมต่อตั้งแต่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม-ลาว-จ.มุกดาหาร-จ.ขอนแก่น-จ.แพร่-จ.พิษณุโลก-จ.สุโขทัย-อ.แม่สอด จ.ตาก- เข้าสู่ จ.เมียวดี ประเทศพม่า-จีน และเชื่อต่อไปยังประเทศอินเดีย ตะวันออกกลางมุ่งสู่ยุโรป

การคร่ำหวอดเป็นผู้นำ-ผู้บริหารท้องถิ่นของ นายกฝอ  เป็นเวลากว่า 22 ปี ทำให้เห็นพัฒนาการและการเจริญเติบโตที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว รวมถึงมองเห็นปัญหาอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การเติบโตไม่คล่องตัวอย่างที่ควรจะเป็น และเมื่อเปรียบเทียบกับพม่ายิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความล่าช้า โดยเฉพาะเรื่องกฎหมายท้องถิ่นที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการค้าการลงทุน และการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว จึงผลักดันให้กฎหมายพิเศษบังคับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่

นายกฝอ  ผู้นำท้องถิ่นแห่งยุค 2012 กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายภาคส่วนได้เห็นพ้องต้องกันว่า อ.แม่สอด ควรมีกฎหมายปกครองตนเอง เพราะแม่สอดถือเป็นเมืองแห่งประตูการค้าในระดับศูนย์กลางภูมิภาคเอเชีย ทั้งทางเศรษฐกิจและการคมนาคมขนส่งของประเทศในกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-พม่า-ลาว-กัมพูชา จึงมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการนครแม่สอดขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว-การค้าการลงทุน-การท่องเที่ยวระหว่างประเทศ
                
"ผมอยากให้ อ.แม่สอด อำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนแบบเบ็ดเสร็จในพื้นที่ได้เลย เป็นวันสต็อปเซอร์วิส ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาการค้าชายแดนและการลงทุนของนักธุรกิจได้เป็นอย่างดี รวมถึงด้านแรงงานต่างด้าว จะได้มีการจัดเข้าสู่ระบบและจัดทำเป็นฐานข้อมูลได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น หากร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีการประกาศใช้จะทำให้มูลค่าการค้าชายแดนเพิ่มขึ้นเป็นปีละ แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่มีมูลค่าการค้าชายแดนปีละ หมื่นล้านบาท"  นายกฝอ กล่าว

นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ หรือนายกฝอ นายกเทศมนตรีนครีแม่สอด กล่าวถึงความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการนครแม่สอด ว่า ขณะนี้ดำเนินการใน แนวทาง คือ เตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมครม.และเสนอเข้าที่ประชุมสภาต่อ ส่วนอีกแนวทางจะถูกเสนอโดยประธานรัฐสภา และส.ส. ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 2-3 ปีจะเห็นเป็นรูปร่าง ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ได้ให้ความสำคัญและลงพื้นที่มาดูแล้ว โดยเห็นว่าแม่สอดมีศักยภาพเป็นอย่างมาก และหากประสบความสำเร็จจะถือเป็นโมเดลของประเทศให้แก่จังหวัดที่มีการค้าชายแดน  และที่ผ่านมาได้มีนักธุรกิจและนักลงทุนจากต่างประเทศ เช่นจีน-จากเมืองเสิ่นเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ได้ลงมาดูพื้นที่และให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ระบุว่าแม่สอดยังมีอุปสรรคสำคัญคือ เรื่องเส้นทางคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะเส้นทางตาก-แม่สอด ระยะทาง 86 กิโลเมตร หากเดินทางโดยรถยนต์โดยสารจะใช้เวลา ชั่วโมง แต่หากเป็นรถบรรทุกสินค้าจะใช้เวลานานกว่า ชั่วโมง ซึ่งนักลงทุนรายนี้เสนอจะเข้ามาร่วมสร้างอุโมงค์ตัดผ่านเส้นทางดังกล่าว โดยจะช่วยย่นระยะทางให้เหลือเพียง 30 กิโลเมตร และประหยัดเวลาในการเดินทางหากเป็นรถยนต์โดยสารจะใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้แม่สอดเป็นเขตปกครองพิเศษก่อน นอกจากนี้ยังมีนักธุรกิจจากมาเลเซีย-ญี่ปุ่น-และนักธุรกิจของไทยจากกรุงเทพและต่างจังหวัดต่างสนใจที่จะหันเข้ามาลงทุนในนครแม่สอดอีกจำนวนมาก.......นับเป็นผู้บริหารท้องถิ่นและผู้นำแห่งยุค 2012 ที่กล้าคิด-กล้านำ-กล้าทำและกล้าพูด

///////////////////////////////
นัยตั้ม  นครแม่สอด.........รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น