กะเหรี่ยงพุทธ-คริสต์ เคลื่อนไหวที่เมียวดี ประท้วงพม่ายิงพระ-ชาวบ้านประท้วงเหมืองแร่
ตาก- กะเหรี่ยงดีเคบีเอจับมือเคเอ็นยู ประท้วงรัฐบาลพม่ายิงพระในการชุมนุมประท้วง จี้ให้นำคนยิงมาลงโทษ เผยใช้ระเบิดฟอสฟอรัส และระเบิดเพลิงยิงใส่ผู้ชุมนุม
วันนี้ (16 ธ.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ชายแดนไทย-พม่า ด้าน จ.เมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (ดีเคบีเอ) จากกองทัพโกะทูบลอ นำโดย พ.ท.ซานอ่อง รองผู้บังคับกองพัน ร่วมกับกองกำลังทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) หรือกะเหรี่ยงคริสต์ และกลุ่มกะเหรี่ยงจากเครือข่ายสภาสันติภาพ ได้นำราษฎรพม่าใน จ.เมียวดี และชาวกะเหรี่ยงจำนวนหนึ่ง เคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาล โดยมีทหารกะเหรี่ยงใช้รถยนต์ติดอาวุธคอยให้การคุ้มกัน
โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้เคลื่อนขบวนไปตามถนนสายต่างๆ รอบ จ.เมียวดี ในช่วงสุดสัปดาห์ เพื่อประท้วงกรณีที่ผู้นำรัฐบาลแห่งสหภาพเมียนมาร์ สั่งการให้ทหารใช้อาวุธยิงประชาชนที่ออกมาประท้วงบริษัทเอกชนจีนที่ได้รับสัมปทานเหมืองแร่ แต่ก่อปัญหาสิ่งแวดล้อม สร้างความเดือดร้อนอย่างรุนแรง เหตุการณ์ชุมนุมดังกล่าวมีทั้งพระสงฆ์ และประชาชนเข้าร่วม ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลพม่านำตัวคนที่ยิงประชาชนมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด ทหารของกลุ่มเคเอ็นยู เผยว่า เจ้าหน้าที่พม่าใช้อาวุธปราบปรามผู้ชุมนุมค่อนข้างรุนแรง มีการใช้กระสุนระเบิดเพลิง และกระสุนที่มีฟอสฟอรัส แก๊สน้ำตายิงใส่ผู้ชุมนุม ด้านราษฎรพม่าแจ้งว่า ชาวพม่าที่ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมได้รับเงินชดเชยจากบริษัทเอกชนจีนแล้ว แต่ยังมีบางรายไม่ได้รับ และบางรายได้รับการชดเชยไม่เพียงพอต่อความเสียหาย
ผบ.ฉก.ร.4 สั่งตรวจเข้มชายแดนตาก สกัดยาทะลักช่วงปีใหม่
ตาก - ผบ.ฉก.ร.4 สั่ง เพิ่มความเข้มงวดยาเสพติดทะลักชายแดน หลังทหารจับชาวกะเหรี่ยงขนยาบ้าข้ามน้ำเมยเข้าแม่สอดกว่า 5,000 เม็ด
พ.อ.อุกฤษ นุตคำแหง ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด จังหวัดตาก ที่ดูแลรับผิดชอบด้านความมั่นคงชายแดนไทย-พม่า 5 อำเภอชายแดน (อ.แม่สอด พบพระ แม่ระมาด ท่าสองยาง และ อ.อุ้มผาง) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ร.4 ทหารพราน ฉก.35 ตำรวจตระเวนชายแดน ฯลฯ เพิ่มความเข้มงวด และเฝ้าระวังการลักลอบค้ายาเสพติด การกระทำผิดเกี่ยวกับความมั่นคงตามแนวชายแดน โดยเฉพาะปัญหาการค้ายาเสพติด ที่ขณะนี้สืบทราบว่ามีการลำเลียงจากฝั่งประเทศพม่าเข้ามายังฝั่งไทยมากขึ้น ด้วยการจัดชุดลาดตระเวนช่องทางสะพานมิตรภาพฯ ริมแม่น้ำเมย และช่องทางท่าเรือขนส่งสินค้า และพื้นที่ที่ล่อแหลม ฝ่ายความมั่นคงได้รับรายงานว่า ในช่วงก่อนเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ 2556 จะมีขบวนการค้ายาเสพติดลักลอบนำยาบ้าเข้ามาจำหน่ายตามช่องทางชายแดน รวมทั้งบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด สืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนยาบ้าจากจังหวัดเมียวดี ประเทศพม่า ข้ามแม่น้ำเข้ามาส่งขายในประเทศ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารในสังกัดออกลาดตระเวน และวางกำลังเพื่อสกัดจับ ระหว่างนั้นได้มีแรงงานชาวกะเหรี่ยงเดินทางข้ามแม่น้ำเมยเข้ามาที่บริเวณท่าเรือขนส่งสินค้าที่ 2 บ้านห้วยม่วง หมู่ 6 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด เจ้าหน้าที่จึงเรียก และทำการจับกุม ทราบชื่อผู้ต้องหาคือ นายซอ รินริน ชาวกะเหรี่ยง สัญชาติพม่า พร้อมยาบ้า 5,000 เม็ด นายซอ รินริน ได้ให้การสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากคนไทยให้นำยาบ้าเปลี่ยนห่อบรรจุใหม่ส่งไปยังกรุงเทพฯ เพื่อให้ทันจำหน่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน
ระดมตำรวจกว่า 300 นาย ล้างยาเสพติด อาชญากรรมแม่สอดรับปีใหม่
ตาก- ผกก.แม่สอด ปล่อยแถวกวาดล้างยาเสพติด และอาชญากรรมช่วงปีใหม่ พร้อมประสานพม่าสกัดยาเสพติด และโจรกรรมข้ามชาติ
วันนี้ (18 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า พ.ต.อ.เอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ ผกก.สภ.แม่สอด เป็นประธานปล่อยแถวตำรวจเพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติด การก่ออาชญากรรม การโจรกรรมข้ามชาติ และสิ่งผิดกฎหมายช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 โดยจัดชุดปฏิบัติการสายตรวจรถยนต์ จักรยานยนต์ สายตรวจจราจร สายตรวจจักรยาน และสายตรวจเดินเท้า รวมทั้งสายสืบสวน และการข่าว รวมกว่า 300 นาย ออกปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด และเข้มข้นตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พ.ต.อ.เอกราษฎร์ กล่าวว่า แม่สอดอยู่ติดชายแดนไทย-พม่า เป็นเมืองสำคัญชายแดน และจากนี้ไป ตำรวจจะเริ่มออกปฏิบัติการตรวจเข้มสิ่งผิดกฎหมายทั้งพื้นที่ในเมือง และรอบนอกที่มีหมู่บ้านติดชายแดน โดยจะประสานกับตำรวจเมียวดี ของพม่า เพื่อร่วมมือกันกวาดล้างด้วยซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งในช่วงปีใหม่จะจับตาเรื่องยาเสพติดเป็นพิเศษ โดย สภ.แม่สอด จะตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามแดนขึ้นมาดำเนินการ
รวบหนุ่มเมืองตากเดนคุก ใช้ปืนปลอมขู่กรรโชก-วิ่งราว พบประวัติอื้อ
ตำรวจตากวิ่งไล่จับเดนคุก ก่อเหตุใช้อาวุธปืนปลอมตระเวนขู่กรรโชก-วิ่งราวทรัพย์หลายท้องที่ กระทั่งถูกจับตัวได้หน้าตลาดเทศบาลฯ ไม่วายโดดหนีจากรถตำรวจขณะถูกคุมตัวส่งโรงพัก สุดท้าย ตร.จราจร สกัดจับได้ทันควัน
วันนี้ (20 ธ.ค.) มีรายงานจากจังหวัดตากว่า พ.ต.ท.พิสิษฐ์ ศิริรัฐกิตติกุล รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองตาก พ.ต.ท.ยศวัจน์ บงบุตร สว.สส.สภ.เมืองตาก พร้อมชุดสืบสวนได้จับกุมนายจตุพล หรือดัสท์ วุ่นสุข อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 40 ม.1 ต.โป่งแดง อ.เมือง จ.ตาก หลังก่อเหตุวิ่งราวกระชากกระเป๋า ซึ่งมีประวัติโชกโชน พร้อมอาวุธปืนปลอมที่ใช้ข่มขู่เหยื่อเวลาก่อเหตุ และของกลางหลายรายการ
โดยก่อนหน้านี้ ได้มีผู้เสียหายจำนวนหลายรายเข้ามาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนในหลายท้องที่ว่า ถูกคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีดำ ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กนข 845 ตาก (ทะเบียนจริง 945 แต่ใช้สติกเกอร์ ปิดอำพรางเป็น 845) ก่อนจับกุม ในช่วงเช้าเจ้าหน้าที่พบผู้ต้องหาซึ่งมีรูปพรรณตรงตามที่ได้รับแจ้งมีท่าทางพิรุธ ยืนอยู่บริเวณหน้าตลาดสดหน้าเทศบาล จึงแสดงตัวเข้าจับกุม แต่ระหว่างที่กำลังนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองตาก นายจตุพล ผู้ต้องหา ได้กระโดดหนีจากหลังรถกระบะ แต่ก็ถูกตำรวจจราจรที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่อีกด้านหนึ่งวิ่งมาดัก และสกัดจับกุมตัวได้อย่างทันควัน
นายจตุพล สารภาพอย่างเหนื่อยหอบเพราะเพิ่งวิ่งหนีตำรวจมาเกือบ 1 กิโลเมตร ว่า ที่หนีเพราะเพิ่งเสพยาบ้ามา กลัวตรวจฉี่เจอสีม่วง ส่วนพฤติการณ์ในการก่อเหตุ จะเลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิง สะพายกระเป๋า หรือวางกระเป๋าไว้ตะกร้าหน้ารถ หากขัดขืนจะใช้ปืนปลอมขู่ว่าจะยิงให้ตาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อยาบ้าเสพ และเที่ยวเตร่กับเพื่อน เงินหมดก็ออกล่าเหยื่ออีก ล่าสุด เมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้ (19 ธ.ค.)ได้ก่อเหตุกระชากกระเป๋าผู้หญิงรายหนึ่งหน้าสถานีขนส่ง ได้เงินสดไปเพียง 80 บาท ไม่พอกินจึงเตรียมก่อเหตุซ้ำอีก แต่ก็มาถูกจับกุมตัวเสียก่อน
และจากการขยายผลพบว่า มีประวัติอยู่ในหลายพื้นที่ เข้าออกคุกอย่างโชกโชน เพิ่งพ้นโทษมาเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 55 ล่าสุด มีผู้เสียหายมาชี้ตัว ที่ สภ.เมืองตากแล้วจำนวนจำนวนมาก
รณรงค์ไทย-พม่าสวมหมวกกันน็อก 100% ตร.เริ่ม “จับ ปรับ” วันนี้
ตาก - ไทย-พม่าร่วมใจใส่หมวกนิรภัย 100 % เริ่มวันนี้มาตรการ “จับ ปรับ” ตามกฎหมาย 24 ชั่วโมง
วันนี้ (20 ธ.ค.55) ที่สะพานมิตรภาพไทย-พม่า ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก นายสุวัฒน์ พรหมสุวรรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก พ.ต.อ.เอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ ผกก.สภ.แม่สอด เดินทางมาเป็นประธานพิธีการปล่อยขบวนรณรงค์ไทย-พม่า ร่วมใจสวมหมวกนิรภัย 10 % เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนสานต่อนโยบายของรัฐบาลปีแห่งการรณรงค์สวมหมวกนิรภัย และทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน พ.ศ.2554 - 2563
นายสุวัฒน์ กล่าวว่า จังหวัดตาก สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ สสส. โรงพยาบาลแม่สอด เครือข่ายจิตอาสาพัฒนาชายแดนจังหวัดตาก และ สภ.แม่สอด ได้ร่วมกันรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน ในโครงการไทย-พม่า ร่วมใจสวมหมวกนิรภัย 100 % เพื่อสานต่อนโยบายของรัฐบาล สร้างความร่วมมือร่วมกันในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในอำเภอชายแดน และเพื่อให้แรงงานจากประเทศพม่า ได้เรียนรู้และตระหนักถึงความสำคัญของกฎหมายจราจรในประเทศไทย
พ.ต.อ.เอกราษฎร์ กล่าวว่า ตั้งแต่วันนี้ (20 ธ.ค.) ทาง สภ.แม่สอด ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ทำตามกฎหมายจราจร ในทุก ๆ ส่วนที่เกี่ยวข้อง
สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน ไม่สวมหมวกนิรภัย จะทำการจับ-ปรับทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อให้โครงการนี้บรรลุผลเป็นรูปธรรม ในการลดอุบัติเหตุทางถนน ตามโครงการของรัฐบาลต่อไป
วิจารณ์แซดลำแสงปริศนาโผล่เหนือฟ้าเมืองตาก
ข้าราชการตากใช้มือถือถ่ายภาพลำแสงปริศนาโผล่เหนือท้องฟ้ากลางเมือง ก่อนโพสต์ลง Facebook ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงกระแสวันสิ้นโลก
วันนี้ (21 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษณะ หอมตลบ และภรรยา ซึ่งเป็นข้าราชการอยู่ที่สำนักงานแห่งหนึ่งในศาลากลางจังหวัดตาก ได้นำภาพถ่ายลำแสงปริศนาที่ถ่ายไว้ได้เมื่อเวลา 18.05 น.วานนี้ (20 ธ.ค.) โพสต์ลง Facebook เพราะไม่แน่ใจว่าลำแสงที่ถ่ายเก็บไว้ได้ด้วยโทรศัพท์ไอโฟนนั้นคืออะไร หรือมีใครเห็นเหมือนที่ตนและครอบครัวเห็นหรือไม่ ซึ่งมีหลายคนที่เห็นแต่ไม่ได้ถ่ายภาพไว้
นายกฤษณะเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 18.05 น.วานนี้ ขณะที่กลับจากไปรับบุตรชาย คือ ด.ช.ทีปกร หอมตลบ อายุ 8 ขวบ ที่เรียนพิเศษห่างจากบ้านประมาณ 3 กิโลเมตร ขณะกำลังขับรถกลับบ้านมาตามถนนพหลโยธิน เมื่อมาถึงบริเวณหนองน้ำมณีบรรพต ซึ่งอยู่ฝั่งตัวเมืองตาก บุตรชายได้เรียกให้ดูแสงประหลาดที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าด้านทิศตะวันตกของตัวเมืองตากเหนือโรงแรมเวียงตาก ริเวอร์ไซด์ ซึ่งตอนแรกไม่ได้คิดอะไรเพียงแค่หยุดรถดู แต่บุตรชายบอกว่า “เพื่อนบอกว่าพรุ่งนี้โลกจะแตก” จึงใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเก็บไว้ เมื่อมาถึงบ้านก็นำมาโพสต์ลง Facebook เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ แต่ส่วนใหญ่ตอบว่าเห็นแต่ไม่ได้ถ่ายภาพไว้
“ลำแสงปริศนาอยู่ด้านทิศตะวันตก เคลื่อนที่จากเหนือไปใต้ เกิดขึ้นประมาณ 15 นาที ก่อนที่ลำแสงดังกล่าวจะลับสายตาไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ใน Facebook นั้น บางคนเชื่อว่าลำแสงปริศนาเป็นดาวหางหรืออุกกาบาต ไม่น่าใช่แสงขอบฟ้า เพราะภาพมีลักษณะเคลื่อนที่ หรืออาจจะเป็นสัญญาณธรรมชาติเกี่ยวกับวันสิ้นโลก ซึ่งยังหาคำตอบไม่ได้
หนังสือพิมพ์บ้านเรา โทร.055-511778